วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558


อาหารสิงคโปร์ 

          เป็นตัวบ่งชี้ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในสิงคโปร์ ซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย และได้มีปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมมานานนับศตวรรษ อาหารได้รับอิทธิพลจากชาวพื้นเมืองมลายู ชาวจีน อินโดนีเซีย เปอรานากัน วัฒนธรรมตะวันตกซึ่งมาจากอังกฤษ และกลุ่มที่ได้รับอิทธิพลโปรตุเกสซึ่งเรียกชาวคริสตัง อิทธิพลจากพื้นที่อื่นๆ เช่น ศรีลังกา ไทย ฟิลิปปินส์ และตะวันออกกลาง พบในอาหารพื้นเมืองเช่นกัน ในสิงคโปร์ อาหารถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการกำหนดเอกลักษณ์ของชาติและความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งในสิงคโปร์ การพบปะและรับประทานอาหารระหว่างวัฒนธรรมเป็นเรื่องปกติ อาหารสิงคโปร์ถูกส่งเสริมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว รัฐบาลสิงคโปร์ได้จัดเทศกาลอาหารสิงคโปร์ในเดือนกรกฎาคมเพื่อส่งเสริมอาหารสิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กที่มีประชากรหนาแน่นมาก ที่ดินเป็นทรัพยากรสำคัญที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ผลิตภัณฑ์และเครื่องปรุงส่วนใหญ่นำเข้ามา แม้ว่าจะมีกลุ่มเกษตรกรขนาดเล็กที่ปลูกผัก ผลไม้ หรือสัตว์ปีกและปลา เนื่องจากสิงคโปร์
ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าที่สำคัญ จึงสามารถพบผลิตภัณฑ์และเครื่องปรุงทั่วโลกได้ที่นี่



อาหารบรูไน

อาหารบรูไน 


มีลักษณะคล้ายกับอาหารของประเทศเพื่อนบ้านได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์   และอินโดนีเซีย นอกจากนั้นยังได้รับอิทธิพลเพิ่มเติมจากอินเดีย จีน ไทย และญี่ปุ่น ปลาและข้าวเป็นอาหารหลัก เนื้อวัวรับประทานน้อยเพราะมีราคาแพง เนื่องจากอิทธิพลของศาสนาอิสลาม อาหารที่รับประทานจึงเป็นอาหารฮาลาล หลีกเลี่ยงเนื้อหมู และห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในบรูไน[1]
อาหารบรูไนมักจะมีรสเผ็ดและปกติกินกับข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว อาหารที่เป็นที่นิยมได้แก่ เรินดังเนื้อ นาซีเลอมะก์ และปูเตอรีนานัซ   ของหวานที่นิยมในประเทศบรูไนคืออัมบูยัต ทำจากสาคูห่อด้วยไม้ไผ่และจิ้มซอสผลไม้รสเปรี้ยว เครื่องดื่มทั่วไป ได้แก่ น้ำผลไม้ ชาและกาแฟ อาหารจากจีนและอินเดียมีอยู่ในบรูไนมากเช่นกัน



อาหารอินโดนีเซีย

     เป็นอาหารทีมีความหลากหลายทางด้านรูปลักษณ์และสีสัน  เพราะประกอบด้วยประชากรจากเกาะต่าง ๆ ที่มีคนอยู่อาศัยประมาณ 6,000 เกาะจากทั้งหมด 18,000 เกาะ   มีอาหารเฉพาะถิ่นจำนวนมาก และได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศ ทำให้อาหารอินโดนีเซียมีความหลากหลายตามพื้นที่และมีอิทธิพลจากต่างชาติที่หลากหลาย อินโดนีเซียมีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางการค้ามาแต่อดีต มีเทคนิคและส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับอิทธิพลจากอินเดีย ตะวันออกกลาง จีน และท้ายที่สุดคือยุโรป พ่อค้าชาวสเปนและโปรตุเกสได้นำผลิตภัณฑ์จากโลกใหม่เข้ามาก่อนที่ชาวดัตช์จะเข้ามายึดครองหมู่เกาะเกือบทั้งหมดเป็นอาณานิคม หมู่เกาะโมลุกกะหรือมาลูกูของอินโดนีเซียได้รับสมญาว่าหมู่เกาะเครื่องเทศ ซึ่งเป็นแหล่งของเครื่องเทศ เช่น กานพลู จันทน์เทศ วิธีการปรุงอาหารหลัก ๆ ของอินโดนีเซียได้แก่ ผัด ย่าง ทอด ต้ม และนึ่ง อาหารอินโดนีเซียที่เป็นที่นิยมได้แก่ นาซีโกเร็งหรือข้าวผัด   กาโดกาโด   สะเต๊ะ และโซโต   ซึ่งเป็นอาหารที่มีลักษณะเฉพาะและถือเป็นอาหารประจำชาติ
อาหารสุมาตราได้รับอิทธิพลจากอาหารตะวันออกกลางและอาหารอินเดีย โดยเฉพาะแกงเนื้อและผักเช่นกูไลและการี ในขณะที่อาหารชวามีลักษณะเป็นท้องถิ่นมากกว่า  อาหารพอลินีเซียและเมลานีเซีย มีบางส่วนที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน เช่น บักหมี่หรือเส้นหมี่ บะก์โซ (ลูกชิ้นปลาหรือเนื้อ) และลุมเปียหรือเปาะเปี๊ยะ
อาหารของอินโดนีเซียตะวันออกคล้ายกับ
อาหารหลายชนิดที่มีจุดกำเนิดในอินโดนีเซียได้กลายเป็นอาหารที่แพร่หลายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาหารอินโดนีเซีย เช่น สะเต๊ะ เรินดังเนื้อ ซัมบัล เป็นที่นิยมในมาเลเซียและสิงคโปร์ อาหารที่ทำจากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้ เต็มเป ก็เป็นที่นิยมด้วย เต็มเปนั้นถือว่ามีจุดกำเนิดในชวา อาหารหมักดองอีกชนิดหนึ่งคืออนจมซึ่งคล้ายเต็มเปแต่ใช้ส่วนผสมอื่นที่ไม่ใช่ถั่วเหลือง และหมักด้วยราที่ต่างออกไป และเป็นที่นิยมในชวาตะวันตก 



การรับประทาน



ในการรับประทานอาหารแบบอินโดนีเซียจะใช้ช้อนในมือขวาและส้อมในมือซ้าย แต่ในบางพื้นที่เช่น ชวาตะวันตก สุมาตราตะวันตก นิยมใช้มือ ในภัตตาคารที่ใช้มือรับประทานเช่นอาหารทะเล ภัตตาคารซุนดาและมีนังกาเบาหรือชวาตะวันออกจะมีชามใส่น้ำสำหรับล้างมือ การใช้ตะเกียบพบในภัตตาคารที่ขายอาหารจีนเช่น ก๋วยเตี๋ยวต่าง ๆ



อิทธิพลจากต่างชาติ



อิทธิพลจากดัตช์

             ชาวยุโรปได้นำขนมปัง เนยแข็ง สเต็ก และแพนเค้กเข้ามา ขนมปัง เนย มาการีน แซนวิชด์ที่ใส่แฮม เนยแข็ง แยมผลไม้เป็นที่นิยมทั้งชาวดัตช์และชาวพื้นเมืองในสมัยที่เป็นอาณานิคม อาหารกลุ่มนี้ถือเป็นอาหารชั้นสูงในสมัยดัตช์อีสต์อินดีสโดยเป็นการผสมอาหารดัตช์และอาหารอินโดนีเซียเข้าด้วยกัน อาหารที่เกิดขึ้นในสมัยอาณานิคมมักได้รับอิทธิพลจากดัตช์ เช่น โรตี อากัร (ขนมปังปิ้ง) โรตี บัวยา เซอลัตโซโล บิสติกยาวา (สเต็กเนื้อแบบชวา) เซอมุร ซายุร กาจังเมอระห์ และซุปหางวัว แพสตรี เค้กและคุ้กกี้หลายชนิด เช่น กูอีโบลู ลาปิสเลอฆิต สปีกู และกาอัสตันเกล (คุกกี้เนยแข็ง) ได้รับอิทธิพลจากดัตช์ อาหารที่เกิดในสมัยดัตช์อีสต์อินดีสบางชนิดใช้เครื่องปรุงท้องถิ่นแต่ปรุงแบบยุโรปเช่นเค้กใบเตย ทาร์ตมะพร้าว กูอีจูบิตซึ่งเป็นของว่างที่นิยมในโรงเรียน











เวลามื้ออาหาร


ในอินโดนีเซียตะวันตกและตอนกลาง อาหารหลักปรุงในตอนสายและรับประทานตอนเที่ยงวัน ในหลายครอบครัวไม่ได้กำหนดเวลาอาหารที่ทุกคนต้องเข้าร่วม อาหารหลายชนิดจึงปรุงให้อยู่ได้นานที่อุณหภูมิห้อง อาหารบางชนิดนำไปอุ่นและรับประทานใหม่ในตอนเย็น ในมื้ออาหารประกอบด้วย ซุป ยำ ผักและอาหารจานหลักอื่นๆ และมีซัมบัลประกอบในสำรับด้วย ในครอบครัวชาวชวาจะมีเครื่องปรุงเพิ่มเรียกเกอรูปุกหรือเริมเปเยก ในอินโดนีเซียตะวันออก เช่นปาปัวและติมอร์ มีอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตที่หลากหลายเช่น สาคูและหัวของพืชในช่วงฤดูแล้ง พืชและสัตว์ที่รับประทานจะต่างจากทางตะวันตก


เครื่องดื่ม


เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มร้อนมีหลายชนิด เช่นบายีกูร์และบันเดรก เป็นที่นิยมในบบชวาตะวันตกลลทั้งสองอย่าง เป็นเครื่องดื่มร้อนที่ใส่กะทิ หรือน้ำตาลมะพร้าว ใส่เครื่องเทศ เครื่องดื่มร้อนเช่น น้ำขิง แบบต่างๆเป็นที่นิยมในยอร์กยาการ์ตา ชวากลางและชวาตะวันออกน้ำผลไม้เป็นที่นิยมเช่นกัน เช่นน้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำมะม่วง น้ำน้อยหน่า และน้ำอะโวกาโด ทุเรียนใช้ทำไอศกรีม มีขนมที่ใส่น้ำแข็งหลายชนิด เช่น ลอดช่องสิงคโปร์ เฉาก๊วย น้ำแข็งไสใส่ ถั่วแดง เมลอน และสาหร่าย





เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์


เนื่องจากเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม มุสลิมในอินโดนีเซียไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอดีตมีการพัฒนาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นภายในหมู่เกาะ ประชาชนในเกาะชวาสมัยโบราณดื่มไวน์ที่ทำจากน้ำตาลมะพร้าวเรียกตวก ตวกยังเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในบาตัก สุมาตราเหนือ ในบาตักเรียกเครื่องดื่มนี้ว่าลาโปตวก ในโซโล ชวากลาง มีซีอูซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ปรับปรุงจากไวน์ของชาวจีน ในบาหลีมีไวน์ข้าวยอดนิยมคือเบรม บาหลี ในนูซาเต็งการาและหมู่เกาะมาลูกู ชาวบ้านดื่มไวน์ทำจากปาล์มที่เรียกว่าโซปี ในมีนาฮาซา เกาะสุลาเวสีเหนือ ชาวบ้านดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เรียกจับ ตีกุส อินโดนีเซียมียี่ห้อเครื่องดื่มเบียร์เป็นของตนเองคือบินตังเบียร์ และอันกอร์เบียร์


อาหารว่าง

อาหารว่างที่สำคัญของอินโดนีเซียอย่างอื่นได้แก่ ซีโอมาย และบาตากอร์ ลูกชิ้นทอด เปมเปก บูบุรอายัมหรือโจ๊กไก่ บูบุรกาจังฮีเยาหรือโจ๊กถั่วเขียว สะเต๊ะ นาซิโกเรง และหมี่โกเรง เตาเกโกเรงหรือยำถั่วงอกใส่หมี อาซีนัน หลักซา เกอรักเตโลร์หรือออมเล็ตรสเผ็ด โกเรองันหรือฟริตเตอร์แบบอินโดนีเซีย และบักวัน
แครกเกอร์แบบพื้นบ้านหรือข้าวเกรียบเรียกกรูปุกมีหลายรูปแบบในอินโดนีเซีย แบบที่นิยมมากที่สุดคือกรูปุก อูดังหรือข้าวเกรียบกุ้ง และกรูปุกกัมปุง หรือกรูปุกปูติฮ์ (ข้าวเกรียบมันสำปะหลัง) ที่เป็นที่นิยมอีกแบบหนึ่งคือกรูปุก กุลตีหรือข้าวเกรียบหนังควาย เอิมปิง เมอลินโยหรือข้าวเกรียบมะเมื่อย และกรีปิกหรืออาหารทอดกรอบเช่นกรีปิกปีซังหรือกล้วยทอดกรอบ และเกอรีปิกซิงกงหรือมันสำปะหลังกรอบ

ผลไม้

  
        ในตลาดอินโดนีเซียมีผลไม้เขตร้อนมากมาย มีทั้งที่กินสดและทำเป็นน้ำผลไม้ ขนมหวาน โรยัก ผลไม้ทอด ใส่ในเค้ก เชื่อม หรือใส่ในข้าวเกรียบ ผลไม้หลายชนิดเช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ขนุนและกล้วยเป็นผลไม้พื้นเมืองในหมู่เกาะอินโดนีเซีย ผลไม้หลายชนิดเป็นผลไม้ต่างถิ่นเช่น สตรอเบอร์รี เมลอน แอปเปิลและแก้วมังกร




อาหารฟิลิปปินส์

อาหารฟิลิปปินส์ 
ประกอบด้วยอาหาร วิธีการเตรียมและประเพณีการรับประทานอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศฟิลิปปินส์ รูปแบบของการทำอาหารและอาหารที่เกี่ยวข้องมีการพัฒนาตลอดระยะหลายศตวรรษจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของกลุ่มชนที่พูดภาษาในตระกูลออสโตรนีเซียนผสมกับอาหารสเปนและโปรตุเกส จีน อเมริกัน และอาหารอื่น ๆ ในเอเชียที่ปรับให้เข้ากับส่วนผสมพื้นเมืองและความนิยมในท้องถิ่น
อาหารมีตั้งแต่ง่ายมากเช่นปลาทอดเค็มและข้าวและอาหารที่มีความประณีต อาหารยอดนิยมฟิลิปปินส์ยอดนิยมได้แก่ เลชอน (lechón หมูย่างทั้งตัว), ลองกานิซา (longganisaไส้กรอกฟิลิปปินส์), ตาปา (tapa ทำจากเนื้อวัว), ตอร์ตา (torta ไข่เจียว), อาโดโบ (adobo ไก่และ/หรือหมูต้มในกระเทียม น้ำส้มสายชู น้ำมัน และซอสถั่วเหลืองเคี่ยวจนแห้ง), กัลเดเรตา (kaldereta สตูเนื้อในซอสมะเขือเทศ), เมชาโด (mechado เนื้อปรุงกับถั่วเหลืองและซอสมะเขือเทศ), โปเชโร (pochero กล้วยและเนื้อในซอสมะเขือเทศ), อาฟริตาดา (afritada ไก่หรือหมูในซอสมะเขือเทศกับผัก), การี-กาเร (kari-kare หางวัว และผักสุกในซอสถั่วลิสง), ปาตากรอบ (ขาหมูทอด), ฮาโมนาโด (hamonado หมูหวานในซอสสับปะรด), อาหารทะเลในน้ำซุปรสเปรี้ยว, ปันสิต (pancit ก๋วยเตี๋ยว) และลุมเปีย (lumpia ปอเปี๊ยะสดหรือทอด)







ประวัติและอิทธิพล
การค้าขายกับอาณาจักรเพื่อนบ้านเช่นมะละกาและศรีวิชัย ในมาเลเซียและชวาได้นำอาหารและวิธีการปรุงเข้ามาในฟิลิปปินส์เช่นกัน เช่น บากูง (กะปิปาติส ปูโซ (มาจากเกอตูปัตเรินดัง และการี-กาเรและการนำกะทิมาปรุงอาหาร เช่น ลาอิง และ กีนาตาอัง มานอก (สตูว์ไก่ต้มกับกะทิ) และยังได้รับอิทธิพลของอาหารอินเดียและอาหารอาหรับผ่านทางมาเลเซียและอินโดนีเซียด้วย อาหารเหล่านี้จะพบมากทางใต้ของฟิลิปปินส์ในปัจจุบัน เช่น ปูโต มาจากอาหารอินเดียที่เรียกปุตตู แกงกุรหม่า ซัตตีและบิรยานีการค้าขายและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมโดยตรงกับชาวจีนฮกเกี้ยนในสมัยราชวงศ์ซ้องทำให้มีการค้าขายเครื่องเทศในเกาะลูซอน[2] การติดต่อทางวัฒนธรรมกับจีนทำให้มีเครื่องปรุงในอาหารฟิลิปปินส์มากขึ้น เช่น ซีอิ๊ว (ภาษาจีนฮกเกี้ยน: 豆油; Pe̍h-ōe-jī: tāu-yu) เต้าหู้ (ภาษาจีนฮกเกี้ยน: 豆干; Pe̍h-ōe-jī: tāu-koaⁿ) ถั่วงอก (ภาษาจีนฮกเกี้ยน: 豆芽; Pe̍h-ōe-jī: tāu-koaⁿ) และน้ำปลาเช่นเดียวกับการปรุงอาหารโดยการผัดและเคี่ยวน้ำซุป อาหารเหล่านี้ยังคงใช้ชื่อดั้งเดิมในภาษาจีนฮกเกี้ยน เช่น ปันสิต (ภาษาจีนฮกเกี้ยน: 便ê食; Pe̍h-ōe-jī: piān-ê-si̍t; ภาษาจีน: 扁食; pinyin: biǎn shí) และลุมเปีย (Chinese: 潤餅; Pe̍h-ōe-jī: jūn-piáⁿ, lūn-piáⁿ) อาหารจีนที่เข้ามาในช่วงนี้เป็นอาหารของคนงานและพ่อค้าที่กลายมาเป็นอาหารในกลุ่มก๋วยเตี๋ยว โจ๊กและข้าวผัดในช่วงก่อนที่สเปนเข้ามาปกครองฟิลิปปินส์ วิธีการปรุงอาหารของชาวออสโตรนีเซียนได้แก่ การต้ม นึ่ง และอบ ส่วนผสมส่วนใหญ่ได้มาจากสิ่งมีชีวิตรอบตัว เช่น ควาย วัว ไก่ และหมู รวมทั้งปลาและอาหารทะเลหลายชนิด ชาวออสโตรนีเซียนอพยพมาเมื่อ 2,657 ปีก่อนพุทธศักราชโดยมาจากที่ราบยูนนาน-กุ้ยโจวในจีนตอนใต้ และไต้หวัน ก่อนจะมาตั้งรกรากในฟิลิปปินส์ กลุ่มคนเหล่านี้นำความรู้เกี่ยวกับการปลูกข้าวและการทำเกษตรอื่นๆมาด้วย[1]
การเข้ามาปกครองของสเปนได้นำพืชพันธุ์จากทวีปอเมริกาเข้ามา เช่น พริก มะเขือเทศ ข้าวโพด มันฝรั่งและการปรุงอาหารโดยใช้กระเทียมและหัวหอม ใบพริกใช้ปรุงอาหารให้ได้สีเขียว อาหารสเปนและอาหารเม็กซิโกได้เข้ามายังฟิลิปปินส์ ซึ่งมักเป็นอาหารที่มีการปรุงซับซ้อนและใช้ในโอกาสสำคัญ ในปัจจุบัน อาหารฟิลิปปินส์ได้พัฒนาเทคนิคและรูปแบบของตนเองแต่ก็ได้รับอิทธิพลจากอาหารตะวันตกมาก อาหารฟิลิปปินส์จัดเป็นอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูงกว่าอาหารเอเชียโดยทั่วไป.





ลักษณะเฉพาะ
อาหารฟิลิปปินส์มีเอกลักษณ์เนื่องจากมีการผสมผสานของอาหารที่มีรสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม โดยการจับคู่อาหารที่มีรสต่างกันมารับประทานพร้อมกัน เช่น จานหนึ่งรสหวาน อีกจานหนึ่งรสเค็ม ตัวอย่างเช่น ชัมโปราโด (โจ๊กรสหวาน) คู่กับตูโย (ปลาเค็มตากแห้ง) ดีนูกูอัน (สตูว์เลือดหมูรสเปรี้ยว) กินกับปูโต (ขนมทำจากข้าวนึ่ง รสหวาน) ผลไม้ดิบรสเปรี้ยวจิ้มกับเกลือหรือกะปิ เป็นต้น น้ำส้มสายชูเป็นเครื่องปรุงที่พบได้ทั่วไป อะโดโบเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่เป็นทิ่นิยมเพราะเตรียมได้ง่าย และยังเก็บไว้ได้นาน ตีนาปาเป็นปลารมควัน ส่วน ตูโย ดาอิง และดางิตเป็นปลาตากแห้งที่เก็บได้นาน ชาวฟิลิปปินส์รับประทานอาหารสามมื้อคือเช้า กลางวัน และเย็น และของว่างในช่วงบ่าย มื้อเช้าและมื้อกลางวันจะเป็นมื้อสำคัญ ใช้ส้อมและมีดในการรับประทานอาหารเพราะได้รับอิทธิพลจากตะวันตก แต่อาหารบางชนิดก็นิยมรับประทานด้วยมือ เช่น อีนีฮอว์หรือปรีโต


อาหารทั่วไป
 อาหารหลักในฟิลิปปินส์คือข้าว นิยมหุง นึ่ง บางครั้งนำไปผัดกับกระเทียมได้เป็นซีนางัก ซึ่งนิยมกินเป็นอาหารเช้าคู่กับไข่ทอดและไส้กรอก ในบางท้องที่จะนำข้าวไปผสมกับเกลือ นมระเหย โกโก้หรือกาแฟ แป้งข้าวเจ้าใช้ทำของหวาน และยังรับประทานขนมปังโดยทั่วไป มีผักและผลไม้ที่หลากหลายในการปรุงอาหาร ที่นิยมคือกล้วย ฝรั่ง มะม่วง มะละกอ และสับปะรด ผักที่สำคัญคือผักบุ้ง ผักกาด กะหล่ำปลีมะเขือ ถั่วฝักยาว มะพร้าวนิยมใช้ทำขนม กะทิใช้ปรุงอาหาร น้ำมันมะพร้าวใช้ทอด พืชหัวที่ใช้มีหลายชนิด เช่น มันฝรั่ง แครอท เผือก มันสำปะหลัง กลอย และมันเทศ ใช้มะเขือเทศ กระเทียม หัวหอมในอาหารหลายชนิด
เนื้อสัตว์ที่บริโภคมีทั้ง เนื้อหมู เนื้อวัวและปลา อาหารทะเลเป็นที่นิยมเพราะเป็นพื้นที่เป็นเกาะและนำมาปรุงอาหารได้หลายวิธี ซอสที่ใช้มีหลายแบบ เช่น น้ำส้มสายชู ซอสถั่วเหลือง น้ำปลา กะปิ






อาหารเช้า
เมเรียนดา    อาหารเช้าแบบพื้นเมืองในฟิลิปปินส์ได้แก่ ปันเดซิล (ขนมปังม้วนขนาดเล็ก) เกซอง ปูตี (ชีสขาว) ชัมโปราโด (โจ๊กข้าว) ซีนางัก (ข้าวผัดกระเทียม) และเนื้อสัตว์ ปลา และไข่เค็ม กาแฟเป็นที่นิยมดื่มเช่นกัน รูปแบบการกินอาหารเป็นสำรับทำให้กลายเป็นชื่อเรียกอาหารเช้าในฟิลิปปินส์ เช่น กันกัมตุย (kankamtuy) หมายถึงสำรับของข้าว (kanin) มะเขือเทศ (kamatis) และปลาทอด (tuyo) ตัวอย่างอื่น เช่นสำรับที่มีคำว่า ซิลอก (silog) หมายถึงอาหารที่มีเนื้อบางชนิดกินกับซีนางักและไข่ (itlog) เช่น ฮอทซิลอก (hotsilog) เนื้อสัตว์คือฮอทดอก บังซิลอก (bangsilog) เนื้อสัตว์คือปลา เป็นต้น ปังกับลอกเป็นคำแสลงที่อ้างถึงอาหารเช้าที่ประกอบด้วยปันเดซัล กาแฟ และไข่
ปูลูตัน    เมเรียนดาเป็นคำที่มาจากภาษาสเปน ใช้เรียกอาหารว่างที่นิยมรับประทานตอนบ่าย ซึ่งมีตัวเลือกมากมาย เช่น กาแฟ ขนมปัง และเพสตรีหลายชนิด หรือขนมที่ทำจากข้าวเหนียว อาหารบางชนิดใช้รับประทานในช่วงเมเรียนดา เช่นก๋วยเตี๋ยวผัด (pancit) ปูลาบอก (เส้นก๋วยเตี๋ยวจากข้าวผัดกับซอสกุ้ง) ตอกวัต บาบอย (เต้าหู้ผัดกับหูหมูต้ม ใส่ซอสถั่วเหลืองและน้ำส้มสายชู) ดีนูกูอัน (สตูว์รสเผ็ดทำจากเลือดหมู) ซึ่งมักจะรับประทานกับปูโต ติ๋มซำที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีนฮกเกี้ยน นิยมรับประทานเป็นอาหารว่างในช่วงเมเรียนดาเช่นกัน
ปูลูตันเป็นอาหารประเภทใช้มือหยิบรับประทาน เป็นของว่างที่รับประทานคู่กับเหล้าหรือเบียร์ ปูลูตันที่ปรุงโดยการทอด เช่น ชิชาร์โรน เป็นหมูที่ทอดจนกรอบ ชิชารอง บูลักลัก ทำจากไส้หมู ชิชารอง มานอก ทำจากหนังไก่ที่ทอดจนกรอบ บางส่วนเป็นอาหารย่าง เช่น อีซอว์เป็นไส้หมูหรือไก่นำไปต้มแล้วย่าง อีนีฮอว์ นา เตงา เป็นหูหมูที่ต้มแล้วย่าง เบตามัก เป็นเลือดหมูหรือเลือดไก่ที่แข็งตัวนำไปต้มแล้วย่างไฟอ่อนๆ อาดีดัสเป็นขาไก่ย่าง และซีซาเป็นปูลูตันที่เป็นที่นิยม ทำจากหนังหมู อาหารว่างขนาดเล็กเช่นถั่วลิสงจะต้มทั้งเปลือก มีแบบเค็ม แบบเผ็ด หรือปรุงรสด้วยกระเทียม และมีอาหารว่างเรียกโกรเปก ทำจากปลา


ขนมปังและแพสตรี
สำหรับเบเกอรีท้องถิ่นของฟิลิปปินส์ ปันเดซัล โมนาย และเอ็นซายมาดาเป็นขนมที่มีขายทั่วไป ปันเดซัลมาจากภาษาสเปน pan de sal (ขนมปังเกลือ) นิยมรับประทานกับกาแฟ ทำเป็นรูปขนมปังม้วนโรยด้วยเกล็ดขนมปังก่อนอบ แต่ไม่ได้มีรสเค็ม โมนายเป็นขนมปังที่แน่น เอนซายมาดา มาจากภาษาสเปน ensaimada เป็นเพสตรีที่ใช้เนยเหลว มักโรยหน้าด้วยน้ำตาลและชีส เป็นที่นิยมช่วงคริสต์มาส บางครั้งจะเพิ่มมันสีม่วงหรือมะพร้าวอบ ขนมปังที่เป็นที่นิยมขายอีกชนิดหนึ่งในฟิลิปปินส์คือปันเดโกโก เป็นขนมปังม้วนรสหวาน ใส่มะพร้าวผสมกากน้ำตาล ปูตอกเป็นขนมปังก้อนเล็กแข็ง ด้านนอกมีน้ำตาลเกาะ กาบาบายัน เป็นมัฟฟินขนาดเล็ก รสหวาน เปียโนโนเป็นชิฟฟอนโรลที่มีหลายรส บราโซเดเมอเซเดสเป็นเค้กม้วนที่ใส่เนยและคัสตาร์ด ซิลวาญาสเป็นคุกกี้ขนาดใหญ่ บาร์กิลลอสเป็นเวเฟอร์ม้วนเป็นท่อที่เติมไส้ลงไปได้ เลเชฟลานเป็นคาราเมลคัสตาร์ด ทำจากไข่และนม ปกตินำไปนึ่งให้สุก ส่วนน้อยที่นำไปอบ ถ้าใส่ไข่และน้ำตาลมากขึ้นจะเรียกโตกีโนเดลกีเอโล